วัดตาลกง เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างมาช้านาน มีเจ้าอาวาสปกครองดูแลกันมาหลายรูป เท่าที่ผู้เฒ่า ผู้แก่เล่าให้ฟังมีถึง 6 รูป มีพระสงฆ์ - สามเณรอยู่จำพรรษามากบ้าง น้อยบ้างตามสมควรมีสิ่งปลูกสร้างเสนาสนะ กุฏิ ศาลาพักร้อน และอุโบสถที่สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูน ก็ชำรุดทรุดโทรมไปตามสภาพ ได้รับการซ่อมแซมบูรณะปฏิสังขรณ์หลายครั้งจากอดีตเจ้าอาวาส
เมื่ออาตมาภาพรับหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสก็ได้วางผังทำแผนพัฒนาวัดตาลกงร่วมกับญาติโยมสาธุชนให้เป็นวัดที่สมบูรณ์พร้อม ทั้งในด้านการปฏิบัติิและการจัดการสิ่งปลูกสร้างที่จำเป็นต่างๆ ส่วนของเก่า ของเดิม ที่ดีอยู่ก็ได้ซ่อมแซมและดูแลรักษาให้คงสภาพถาวรสืบไป
ส่วนอุโบสถของเดิมนั้นสภาพทรุดโทรมมาก ยากต่อการซ่อมแซม ถ้าจะซ่อมแซมดูแลรักษาไว้ให้คงสภาพเดิม ก็คงจะต้องสิ้นเปลืองทุนทรัยพ์มากอีกประการหนึ่ง วัสดุอุปกรณ์ที่สร้างไว้เดิมก็ผุพังหมดอายุการใช้งาน เมื่อได้ปรึกษาหารือกันกับทุกๆ ฝ่าย เห็นพ้องต้องกันว่าสมควรสร้างใหม่
การก่อสร้างอุโบสถหลังใหม่ก็ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 เป็นลำดับมา จนกระทั่งถึงบัดนี้ เรียบร้อยแล้วสมควรจัดการผูกพัทธสีมาให้ถูกต้องตามพุทธบัญญัติและเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั่วไป ได้ร่วมกุศลปิดทองลูกนิมิตดังนั้น ทางคณะสงฆ์ คณะกรรมการ ตลอดทั้งชาวบ้านตาลกง และชาวบ้านใกล้เคียงเห็นสมควรจัดงานปิดทองฯ อุโบสถหลังใหม่ในปี พ.ศ.2545อาตมาภาพจึงได้มอบหมายให้คณะกรรมการวัด ทั้งบรรพชิต และคฤหัสถ์ นำความเรื่องนี้กราบเรียน พระเทพสุวรรณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรีเพื่อกำหนดวันจัดงานปิดทอง
ท่านเจ้าคณะจังหวัดจึงได้กำหนดงาน ระหว่างวันที่ 11-19 กุมภาพันธ์ 2545 รวม 9 วัน 9 คืน งานปิดทองลูกนิมิต ถือได้ว่าเป็นงานใหญ่อีกประเภทหนึ่งของวัด ซึ่งต้องอาศัยทุนทรัพย์จำนวนมาก ต้องอาศัยคนเป็นจำนวนมากให้ความช่วยเหลือ ทั้งในด้านกำลังกาย กำลังใจ กำลังความคิดความสามัคคีรวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันงานใหญ่อย่างนี้จึงจะสำเร็จลุล่วงผ่านไปได้ด้วยดี
อาตมาภาพขอขอบใจ และอนุโมทนาแด่ท่านสาธุชนและญาติโยมที่ได้รับหน้าที่เป็นกรรมการจัดงานแผนกต่างๆตลอดถึงท่านที่ได้อุปการะ ช่วยเหลือบริจาคทรัพย์และสิ่งของต่างๆ ร่วมงานปิดทองลูกนิมิตผูกพัทธสีมาของวัดตาลกง ในครั้งนี้จงเจริญด้วยจตุรพิธพรตลอดไป เทอญ
ขออำนวยพร
( ลงชื่อ ) พระครูวินัยวัชรกิจ ( เจ้าอาวาสวัดตาลกง )
จากหนังสือ “ สูจิบัตร งานปิดทองลุกนิมิตผูกพัทธสีมา วัดตาลกง ตำบล มาบปลาเค้าอำเภอ ท่ายาง จังหวัด เพชรบุรี ๑๑ - ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ ”